วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
เมื่อต้องการคุมกำเนิดควรทำอย่างไร?
เมื่อต้องการคุมกำเนิดควรมีการปรึกษาหารือบุคคลในครอบครัวในการวางแผนครอบครัวว่า ต้องการมีบุตรอีกหรือไม่ ต้องการคุมกำเนิดกี่ปี ต้องการเว้นระยะห่างของการมีบุตรกี่ปี จาก นั้นจึงปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลหรือบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ให้คำแนะนำในเรื่องนี้
ทั้งนี้ ควรเลือกวิธีที่สามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายสะดวก ต้องไม่มีข้อห้ามในการใช้วิธีคุม กำเนิดนั้นๆเช่น ห้ามใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจ และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองเช่น ถ้าต้องการมีประจำเดือนทุกเดือน ไม่ควรใช้ยาฉีดชนิดโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวหรือใช้ยาฝังคุมกำเนิด เพราะเมื่อฉีดไปเป็นเวลานานอาจไม่มีประจำเดือน
ใครบ้างที่สมควรคุมกำเนิด?
ผู้สมควรคุมกำเนิดคือ หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ (วัยยังมีประจำเดือน) ซึ่งสามารถตั้งครรภ์ ได้แม้ว่าจะมีอายุมากกว่า 50 ปี ดังนั้นเมื่ออายุน้อยกว่า 50 ปียังมีประจำเดือนและยังมีเพศสัมพันธ์ ควรคุมกำเนิดไปจนถึงหลังหมดประจำเดือนถาวรแล้วประมาณ 2 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 50 ปีควรคุมกำเนิดไปจนหลังหมดประจำเดือนถาวรแล้ว 1 ปี
ควรคุมกำเนิดเมื่อไหร่?
ผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์คือ เริ่มมีการพัฒนาร่างกายทางเพศ เริ่มมีประจำเดือน ซึ่งส่งผลให้สามารถตั้งครรภ์ได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงควรเริ่มคุมกำเนิดตั้งแต่เมื่อคิดจะมีเพศ สัมพันธ์ตั้งแต่ครั้งแรกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ
วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558
ข้อควรพิจารณาในการเลือกวิธีการคุมกำเนิดมีอะไรบ้าง?
การเลือกวิธีคุมกำเนิดควรเป็นไปโดยความสมัครใจ โดยมีข้อควรพิจารณาคือ
- ความสะดวกในการใช้วิธีต่างๆดังกล่าว
- ความสะดวกในการเข้าถึงการคุมกำเนิด
- ระยะเวลาที่ต้องการคุมกำเนิด
- ความสามารถในการป้องกันการตั้งครรภ์ของวิธีคุมกำเนิด
- ความสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- โรคประจำตัวหรือข้อเสียในวิธีคุมกำเนิดแต่ละวิธี
ประเภทของการคุมกำเนิดมีอะไรบ้าง?
วิธีการคุมกำเนิดมีมากมายหลายชนิดสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทแล้วแต่เกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งประเภท ทั้งนี้ในที่นี้แบ่งตามระยะเวลาในการคุมกำเนิด โดยแบ่งออกเป็น
- การคุมกำเนิดชั่วคราว เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะมีอยู่เพียง ชั่วคราว เมื่อหยุดใช้จะสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้เอง เหมาะสำหรับผู้ที่ยังต้องการมีบุตรในอนาคต
ชนิดของการคุมกำเนิดชั่วคราวได้แก่
ผลิตจากยางลาเทค (Latex) หรือบางชนิดผลิตจากยางเทียม (Polyurethane) คุมกำเนิดโดยการสวมใส่ที่องคชาตเพศชายขณะแข็งตัว เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อปฏิสนธิกับไข่ ทำให้ไม่มีการตั้งครรภ์ ซึ่งพบอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้ประมาณ 2 - 15%
- ชนิดฮอร์โมนรวม
✿ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน
✿แผ่นแปะคุมกำเนิด (ยาคุมกำเนิดชนิดแปะผิวหนัง)
เป็นวิธีคุมกำเนิดที่แพร่หลาย มีผู้นิยมใช้มากที่สุด มีความสะดวกในการใช้ ประกอบ ด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน(Estrogen) และโปรเจสติน (Progestin) มีผลยับยั้งการตกไข่ ทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้นทำให้อสุจิไม่สามารถผ่านเข้าสู่โพรงมดลูกได้ และทำให้เยื่อบุโพรงมด ลูกบางไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งพบอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้ได้ประมาณ 0.3 -8%
- ชนิดโปรเจสตินอย่างเดียว
ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงชนิดเดียว มีกลไกทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียว ข้น อสุจิไม่สามารถเคลื่อนผ่านเข้าสู่โพรงมดลูกได้ และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางตัวไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งพบอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้ยาได้ประมาณ 0.3 - 8%
✿ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน
ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินในขนาดสูง มีกลไกป้องกันการตั้งครรภ์โดยป้อง กันหรือเลื่อนเวลาการตกไข่ ขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน โดยเป็นยาที่ใช้รับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ในกรณีที่ลืมคุมกำเนิดหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันขณะมีเพศสัมพันธ์เช่น ถุงยางอนามัยรั่วหรือแตก ได้ผลดีที่สุดถ้ารับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ทันทีหรือในเวลาไม่เกิน 72 - 120 ชั่ว โมง พบมีอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้ประมาณ 25%
- ผลข้างเคียงคือ มีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย
✿แผ่นแปะคุมกำเนิด (ยาคุมกำเนิดชนิดแปะผิวหนัง)
- วิธีใช้: แปะแผ่นคุมกำเนิดที่ผิวหนังบริเวณที่มีไขมันยกเว้นบริเวณเต้านม โดย 1 แผ่นแปะนาน 1 สัปดาห์ จากนั้นจึงเปลี่ยนแผ่นโดยแปะ 3 แผ่น (นาน 3 สัปดาห์) แล้วเว้น 1 สัปดาห์ โดยสัปดาห์ที่เว้นไม่แปะแผ่นยาจะมีประจำเดือนมา โดยขณะแปะแผ่นยาสามารถทำกิจ กรรมอาบน้ำว่ายน้ำได้ปกติ
✿ยาฉีดคุมกำเนิด
- ชนิดฮอร์โมนรวม
เป็นยาฉีดคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน มีกลไกป้อง กันการตั้งครรภ์เช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
- ชนิดโปรเจสตินอย่างเดียว
เป็นยาฉีดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว มีกลไกป้องกันการตั้งครรภ์โดยยับยั้งการตกไข่ นอกจากนั้นยังทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น อสุจิจึงไม่สามารถเคลื่อนผ่านเข้าโพรงมดลูกได้ และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน และพบอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้ยาได้ประมาณ 0.3 - 8%
เป็นยาฉีดคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน มีกลไกป้อง กันการตั้งครรภ์เช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
- ชนิดโปรเจสตินอย่างเดียว
เป็นยาฉีดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว มีกลไกป้องกันการตั้งครรภ์โดยยับยั้งการตกไข่ นอกจากนั้นยังทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น อสุจิจึงไม่สามารถเคลื่อนผ่านเข้าโพรงมดลูกได้ และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน และพบอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้ยาได้ประมาณ 0.3 - 8%
✿ยาฝังคุมกำเนิด
- แบบ 1 แท่ง สามารถคุมกำเนิดได้ 3 ปี
- และชนิด 2 แท่ง สามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปี
กลไกการคุมกำเนิดคล้ายกับยาเม็ดชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว พบอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้ยาประมาณ 0.05% วิธีการฝังยาทำโดยกรีดผิวหนังบริเวณท้องแขนข้างที่ไม่ถนัดขนาดประมาณ 2 มิลลิเมตร จากนั้นใช้อุปกรณ์สอดเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังแล้วใส่แท่งยาตาม ไม่ต้องเย็บแผลเนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก ให้ใช้ผ้าพันบริเวณแผลไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง ระวังไม่ให้แผลถูกน้ำเป็นเวลา 7 วัน
✿ห่วงคุมกำเนิด
- ชนิดทองแดง
เป็นอุปกรณ์พลาสติกที่มีขดลวดทองแดงพันโดยการใส่เข้าสู่โพรงมดลูก มีกลไกป้องกันการตั้งครรภ์โดยลดการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิทำให้เกิดการปฏิสนธิกับไข่ได้ลำบาก ร่วม กับทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ระยะเวลาในการคุมกำเนิด 3, 5 หรือ 10 ปีขึ้นอยู่กับชนิดของห่วงคุมกำเนิด ระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการใส่ห่วงคุมกำเนิดคือ ช่วงวันที่ 1 - 5 ของการมีประจำเดือนเนื่องจากแน่ใจได้ว่า ช่วงนี้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ และเป็นช่วงใส่ห่วงได้ง่ายเนื่องจากปากมดลูกเปิด ทั้งนี้พบอัตราตั้งครรภ์หลังใช้ ประมาณ 0.6 - 0.8%
- ชนิดมีฮอร์โมนโปรเจสติน
เป็นวัสดุพลาสติกที่มีแท่งยาฮอร์โมนโปรเจสติน โดยแท่งยาจะค่อยๆปล่อยฮอร์ โมนโปรเจสตินเข้าสู่ร่างกายทีละน้อยๆ มีระยะเวลาในการคุมกำเนิด 5 ปี ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการใส่ห่วงคุมกำเนิดเช่นเดียวกับห่วงคุมกำเนิดชนิดทองแดง กลไกการป้องกันการตั้ง ครรภ์โดยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ขัดขวางการฝังตัวอ่อน มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ทำให้อสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกับไข่ได้ และพบอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้วิธีนี้ประมาณ 0.1%
เป็นอุปกรณ์พลาสติกที่มีขดลวดทองแดงพันโดยการใส่เข้าสู่โพรงมดลูก มีกลไกป้องกันการตั้งครรภ์โดยลดการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิทำให้เกิดการปฏิสนธิกับไข่ได้ลำบาก ร่วม กับทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ระยะเวลาในการคุมกำเนิด 3, 5 หรือ 10 ปีขึ้นอยู่กับชนิดของห่วงคุมกำเนิด ระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการใส่ห่วงคุมกำเนิดคือ ช่วงวันที่ 1 - 5 ของการมีประจำเดือนเนื่องจากแน่ใจได้ว่า ช่วงนี้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ และเป็นช่วงใส่ห่วงได้ง่ายเนื่องจากปากมดลูกเปิด ทั้งนี้พบอัตราตั้งครรภ์หลังใช้ ประมาณ 0.6 - 0.8%
- ชนิดมีฮอร์โมนโปรเจสติน
เป็นวัสดุพลาสติกที่มีแท่งยาฮอร์โมนโปรเจสติน โดยแท่งยาจะค่อยๆปล่อยฮอร์ โมนโปรเจสตินเข้าสู่ร่างกายทีละน้อยๆ มีระยะเวลาในการคุมกำเนิด 5 ปี ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการใส่ห่วงคุมกำเนิดเช่นเดียวกับห่วงคุมกำเนิดชนิดทองแดง กลไกการป้องกันการตั้ง ครรภ์โดยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ขัดขวางการฝังตัวอ่อน มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ทำให้อสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกับไข่ได้ และพบอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้วิธีนี้ประมาณ 0.1%
✿วงแหวนคุมกำเนิด มีตกขาวมากขึ้น อาจเกิดเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย และคัดตึงเต้านม
เป็นวงแหวนพลาสติกซึ่งจะค่อยๆปล่อยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินเข้าสู่ร่างกายทีละน้อยๆ กลไกการป้องกันการตั้งครรภ์คล้ายกับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม โดย ใส่วงแหวนคุมกำเนิดเข้าไปในช่องคลอด ให้วงแหวนคลุมปากมดลูก โดยใส่ในช่องคลอดนาน 21 วันถอดออก 7 วัน ในช่วงที่ไม่ได้ใส่วงแหวนคุมกำเนิด 7 วันนี้จะมีประจำเดือนมา หลังจากนั้นจึงใส่วงแหวนคุมกำเนิดอันใหม่
2.การคุมกำเนิดถาวร เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ทำครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้ตลอด ไม่สามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้เองอีก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตรอีกแล้ว
✿ การทำหมันหญิง
ข้อดี: ผ่าตัดครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้ตลอดชีวิต ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการคุม กำเนิด การตั้งครรภ์ และทำให้เพิ่มความสุขทางเพศเพราะไม่ต้องกังวลต่อการตั้งครรภ์
✿ การทำหมันหญิง
ข้อดี: ผ่าตัดครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้ตลอดชีวิต ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการคุม กำเนิด การตั้งครรภ์ และทำให้เพิ่มความสุขทางเพศเพราะไม่ต้องกังวลต่อการตั้งครรภ์
ข้อเสีย: ต้องได้รับการผ่าตัดโดยแพทย์ มีแผลที่หน้าท้อง หากต้องการมีบุตรเพิ่มอีกต้องได้รับการผ่าตัดแก้หมันโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ในการผ่าตัดที่เฉพาะ
เป็นการคุมกำเนิดโดยการตัดผูกท่อนำไข่ 2 ข้าง ทำให้ตัวอสุจิไม่สามารถเข้าปฏิสนธิ กับไข่ได้จึงไม่มีการตั้งครรภ์ซึ่งพบอัตราการตั้งครรภ์หลังผ่าตัด ประมาณ 0.2 - 0.7%✿ การทำหมันชาย
ข้อดี: ผ่าตัดครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้ตลอดชีวิต การผ่าตัดทำได้ง่ายใช้เวลาน้อย ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์จึงทำให้เพิ่มความสุขทางเพศ
ข้อเสีย: ต้องได้รับการผ่าตัดจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนมา หากต้องการมีบุตรเพิ่มอีกต้องได้รับการผ่าตัดแก้หมันโดยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือในการผ่าตัดเฉพาะ
เป็นการคุมกำเนิดโดยผ่าตัดผูกหลอดนำอสุจิที่บริเวณอัณฑะ ทำให้ไม่มีตัวอสุจิออกมากับน้ำเชื้อจึงไม่มีการปฏิสนธิของอสุจิกับไข่การคุมกำเนิดคืออะไร ?
การคุมกำเนิดหรือการป้องกันการตั้งครรภ์ (Contraception) คือ การป้องกันไม่ให้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น โดยมีกลไกในการป้องกันการตั้งครรภ์หลายกลไก
- การป้องกันไม่ให้มีการตกไข่
- การป้องกันไม่ให้ไข่กับอสุจิเกิดการปฏิสนธิ
- และการป้องกันไม่ให้มีการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก
วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558
วัยรุ่นทำไมถึงไม่คุมกำเนิด?
วัยรุ่นเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นโดนเฉพาะเรื่องเพศ
การมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร
เพราะไม่พร้อมทั้งวุฒิภาวะและฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม
จึงไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร
ปัจจุบันแม้จะมีวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง เลือกใช้ได้หลายวิธีตามความสมัครใจ
แต่หญิงวัยรุ่นสาวไม่น้อยยังต้องประสบปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนไว้ก่อน
ซึ่งยังผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์เป็นอันตรายต่อทั้งมารดาและทารกในครรภ์
ตลอดจนเกิดผลกระทบถึงภาวะเศรษฐกิจสังคมของประเทศชาติในระยะยาวด้วย
วัตถุประสงค์
Òเพื่อให้ตระหนักถึงผลที่ได้รับจากการคุมกำเนิด
Òเพิ่มความรู้วิธีการคุมกำเนิด
Òเพื่อให้ทราบถึงวิธีการคุมกำเนิด
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
Òปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึ่งประสงค์ก่อนวัยอันควรลดน้อยลง
Òนำวิธีการคุมกำเนิดไปใช้อย่างถูกวิธี
Òเป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับการคุมกำเนิด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)